นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ ได้เผยว่า เมื่อวันที่ 8-10 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา สมาคมได้ลงพื้นที่สำรวจรวมถึงติดตามผลผลิตข้าวนาปี 2566/67 ในพื้นที่ภาคอีสาน 20 จว. พร้อมร่วมประชุมกับกลุ่มเกษตรกร สมาคมโรงสีข้าวไทย โดยคาดการณ์ส่งออกข้าวของไทยสิ้นปี 2566 นี้ จะอยู่ที่ 8-8.2 ล้านตัน ส่วนการส่งออกข้าวไทยในปี 2567 มองว่าลดลงจากปีนี้ อยู่ที่ 7.5 ล้านตัน
เนื่องจากประเมินว่าปริมาณข้าวจะออกสู่ตลาดโลกเยอะ ทั้งผลผลิตข้าวของไทย กัมพูชา เมียนมา รวมไปถึงเวียดนามด้วย ซึ่งปกติเวียดนามจะเริ่มเกี่ยวข้าวในช่วงต้นปี แต่ปีนี้ผลผลิตข้าวไม่ได้รับผลกระทบ ทำให้เวียดนามเริ่มเกี่ยวข้าวแล้ว จึงคาดว่าผลผลิตข้าวในตลาดโลกจะเพิ่มขึ้น ขณะที่ตลาดผู้บริโภคแคบลง เพราะทุกคนต่างกังวลเรื่องของภัยแล้ง ทำให้เร่งนำเข้าไปก่อนหน้านี้
ผลผลิตข้าวประเมินตอนแรกนึกว่าจะแย่ เพราะกังวลเรื่องของภัยแล้ง แต่ความเป็นจริงไม่ได้เป็นอย่างที่คิด น้ำดี ไม่แล้ง ร่วมด้วยคิดว่าผลผลิตข้าวไทยปีนี้จะมีมากกว่า 2-3 ปีที่ผ่านมา ทั้งของไทย เวียดนาม กัมพูชา เมียนมา
แม้ปากีสถานผลผลิตน่าจะมากเป็นประวัติการณ์ การตลาดของผู้ส่งออกคงต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ และติดตามปัญหาสงคราม ค่าเงินบาทที่ยังคงที่ขึ้นลง พร้อมทั้งจะต้องดูช่วงว่าสิ้นปี 2566 นี้อินเดียจะมีนโยบายอะไรออกมา ซึ่งมีผลต่อราคาข้าวในตลาด
ทั้งนี้ การระงับส่งออกข้าวอินเดียถือว่ามีผลต่อตลาดหมายรวมไปถึงราคาข้าวเป็นอย่างมาก ซึ่งต้องติดตามว่าจะมีการยกเลิกไหม แต่ที่ประเมินคาดว่าอินเดียอาจจะยกเลิก เนื่องจากกำลังเข้าสู่การเลือกตั้ง ซึ่งเชื่อว่าจะมีแรงกดดันตลาดแล้วก็ราคาข้าว
นอกจากนี้ ยังมีต้นเหตุอื่นกระทบต่อราคาข้าว อย่างปัญหาอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังคงมีความผันผวน ทำให้ผู้ส่งออกคาดเดาตลาดส่งออกข้าวในปีหน้าค่อนข้างลำบาก พฤติกรรมการบริโภคข้าวที่ไม่เหมือนกัน สต๊อกข้าวเดิมที่ผู้ส่งออกซื้อ ประกอบกับความกังวลเมื่อข้าวใหม่ออกมาจะไม่มีที่เก็บ
ข้าวไทยส่งออกทะลุเป้า
นายวันนิวัติ กิติเรียงลาภ รองเลขาธิการสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยกล่าวว่า การส่งออกข้าวของไทย 10 เดือนแรกของปี 2566 (1 ม.ค.-31 ต.ค.) นี้ อยู่ที่ 7,007,277 ตัน ขยายตัว 15.4% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับสองเดือนสุดท้ายของปี 2566 คาดว่าการส่งออกจะอยู่ที่ 1.5 ล้านตัน หรือเฉลี่ยเดือนละ 7.5 แสนตัน โดยคาดว่าทั้งปีจะทำให้การส่งออกไทยอยู่ที่ 8.5 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่งออกรายประเทศ 9 เดือนแรกของปี (มกราคม-กันยายน) ไทยส่งออกข้าวไปตลาดโลก 6.08 ล้านตัน ขยายตัว 12.3% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน อินเดียส่งออกได้ 15.5 ล้านตัน หดตัน 8.8% เวียดนามส่งออกได้ 6.42 ล้านตัน ขยายตัว 19.4% ปากีสถานส่งออกได้ 1.98 ล้านตัน หดตัว 36.9% สหรัฐอเมริกาส่งออก 1.49 ล้านตัน หดตัว 9.1%
ส่วนชนิดข้าวที่ไทยส่งออกไปในตลาด 9 เดือนแรก ข้าวขาวส่งออก 2.9 ล้านตัน ขยายตัว 23.5% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ข้าวนึ่ง 1.1 ล้านตัน ขยายตัว 12.6% ข้าวหอมมะลิ 8.5 แสนตัน หดตัว 7.1% ข้าวหอมไทย 2.6 แสนตัน หดตัว 9.2% ข้าวเหนียว 9.8 หมื่นตัน ขยายตัว 0.5%
ประเทศผู้นำเข้าข้าวไทย 5 อันดับสำคัญ 9 เดือนแรก เช่น อินโดนีเซียนำเข้า 9 แสนตัน ขยายตัว 2,009% แอฟริกาใต้นำเข้า 7.29 แสนตัน ขยายตัว 26.2% อิรักนำเข้า 7.25 แสนตัน หดตัว 33.9% สหรัฐนำเข้า 5.10 แสนตัน ขยายตัว 0.1% มาเลเซียนำเข้า 2.5 แสนตัน ขยายตัว 135.5%
ข้าวเวียดนามกำลังมาแรง
นอกจากนี้ ยังต้องติดตามสถานการณ์การส่งออกข้าวของเวียดนามไปในตลาดโลก โดยเฉพาะตลาดข้าวหอม ปริมาณการค้าในตลาดโลก 4-4.3 ล้านตัน โดยไทยส่งออกข้าวหอมไปในตลาดโลกประมาณ 1.1-1.4 ล้านตัน ซึ่งขึ้นอยู่แต่ละปี ส่วนเวียดนามส่งออกข้าวหอมปีละ 2.1-2.7 ล้านตัน หรือบางปี 3 ล้านตัน ซึ่งเมื่อดูตัวเลขการส่งออกข้าวหอมของเวียดนาม มีสัดส่วนถึง 50% ของโลก ครอบคลุมตลาดส่วนใหญ่
การส่งออกข้าวของเวียดนาม ปี 2561-2566 ข้าวขาวร่วมกับข้าวหอมเป็นส่วนใหญ่ และยังให้ความสำคัญในการปลูกข้าวขาวเป็นข้าวพื้นนุ่ม ข้าวหอมมากขึ้น
ตัวเลขการส่งออก 9 เดือนแรกของปี 2566 พบว่าเวียดนามส่งออกข้าวขาว 3.7 ล้านตัน ข้าวหอม 1.5 ล้านตัน ข้าวเหนียว 2.2 แสนตัน ตลาดส่งออกสำคัญ เช่น ฟิลิปปินส์นำเข้าข้าวขาว 2.4 ล้านตัน หดตัว 1.1% อินโดนีเซียนำเข้า 8.8 แสนตัน ขยายตัว 1,666% จีนนำเข้า 8.5 แสนตัน ขยายตัว 37.2% กานานำเข้า 5.0 แสนตัน ขยายตัว 49.5% เป็นต้น
ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องติดตามว่าตลาดข้าวของเวียดนามมีการเติบโตต่อเนื่อง
ราคาข้าวเริ่มปรับตัวลดลง
ด้าน นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาหมายรวมไปถึงเกษตรกรไทย กล่าวว่า การช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่รัฐบาลออกมา ต้องการให้เร่งดำเนินการโดยเร็ว เพราะกังวลว่าจะไม่ทันเข้าร่วมโครงการ เนื่องจากข้าวเริ่มออกสู่ตลาดมากแล้ว นอกจากนี้ อยากให้รัฐบาลช่วยในเรื่องการปรับปรุงพันธุ์ข้าว การเพิ่มผลผลิตต่อไร่ ช่วยลดต้นทุนให้ชาวนา
จากรายงานข่าวเพิ่มเติม พบว่า ราคาข้าวของเกษตรกร พบว่าปรับตัวลดลงจากช่วง 1-2 อาทิตย์ จาก 13-14 บาทต่อกิโลกรัม อยู่ที่ 9-12 บาทต่อ กก. ในราคาข้าวเกี่ยวสด
ซึ่งขึ้นอยู่แต่ละพื้นที่ เช่น จังหวัดหนองบัวลำภู ราคาข้าวเกี่ยวสดอยู่ที่ 10-11 บาทต่อ กก. อุบลราชธานี 11 บาทต่อ กก. หนองคาย 9-11 บาทต่อ กก. กาฬสินธุ์ 9-10 บาทต่อ กก. ขอนแก่น 9-11 บาทต่อ กก. เป็นต้น โดยการเก็บเกี่ยวข้าวคาดว่าสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2566 นี้จะหมด
ที่มา : มติชนออนไลน์