จากข่าวนี้อ่านแล้วก็เริ่มสับสน นี่เรากำลังอยู่ในยุคใหม่แล้วเหรอนี่ เพราะเมื่อก่อนจำได้ว่าประมาณ 5-6 ปีมาแล้ว ที่เข้าไปดูหนังในโรงภาพยนต์ใหญ่ๆ ครั้งนั้นและก่อนหน้านั้น ก่อนหนังจะเริ่มฉาย (นี่ไม่นับหนังกางแปลงที่เคยดูมาด้วย) จะมีการฉายเพลงสรรเสริญพระบารมี และทำให้ทุกคนในโรงหนักต้องยืนตรง
และเมื่อจบเพลงจะมีคนทำความเคารพ หรือไม่ทำก็ได้มั้ง ส่วนตัวก็ไม่ได้ทำ แค่ยืนตรงๆ เหมือนคนอื่นๆ เพราะตอนเข้าไปดูหนังครั้งแรกก็ยืนเหมือนกับคนอื่น (ใครจะกล้านั่งในเมื่อทุกคนพากันยืน) และก็ไม่รู้เหตุผลอะไรว่าทำไมต้องยืน ไม่ใช่เพลงชาติซักหน่อย
แต่พอเข้าไปดูหนังในโรงภาพยนต์บ่อยๆ ก็เริ่มเข้าใจขึ้นบ้างว่า เพลงสรรเสริญพระบารมีนั้นเปรียบเสมือนเพลงชาติ บ้างก็ว่าคือเพลงชาติเวอชั่นดั้งเดิม บลาๆ และในเนื้อเพลงนั้นก็มีใจความสรรเสริญพระบารมีของในหลวงรัชกาลปัจจุบันในยุคนั้นๆ และไม่แน่ใจว่าเป็นการบังคับให้ทำความเคารพหรือไม่ แต่เมื่อเข้าเมืองแล้วก็ต้องตาหลิ่วไปตามกัน
จนเมื่อวันที่ 11 พ.ย.64 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดการศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 64 โดยภายหลังฟังเพลง "บ้านเกิดเมืองนอน" จากนักศึกษา วปอ. นายกฯ กล่าวว่า ขอให้ทุกคน ฟัง อ่านเนื้อร้องคิดตามและนำมาสร้างปัจจุบันให้ประเทศ ประชาชนและทุกส่วนงานที่เกี่ยวข้องมีความเข้มแข็ง มุ่งมั่นในการรักษาแผ่นดินหนึ่งเดียวที่มีอยู่
โดยเฉพาะสิ่งสำคัญที่หลายคนอาจลืมไปคือการที่ประเทศไทยยังสามารถรักษาความเป็นอิสระไว้ได้ ไม่เป็นเมืองขึ้นของใคร ด้วยสติปัญญาของพระมหากษัตริย์ในอดีต และประเทศไทยก็ไม่มีความขัดแย้งใดๆ เกิดขึ้นมาจนถึงรัชกาลปัจจุบัน
พล.อ.ประยุทธ์ เน้นย้ำทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันคือความเท่าเทียม ในเรื่องความเป็นธรรมรัฐบาลดูแลความเดือดร้อนผู้มีรายได้น้อยไปด้วย ซึ่งสิ่งนี้คือความเท่าเทียมและเป็นธรรม จึงขอให้ทำความเข้าใจกับ 2 คำนี้ว่า เรามีอะไรที่ดีอยู่แล้วในเรื่องของการเป็นประชาธิปไตย
ในช่วงท้าย พนายกฯ งพูดถึงการพัฒนาการศึกษาโดยยินดีที่ ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ดังนั้นการศึกษาเรียนรู้ต้องนำไปใช้ได้จริงไม่ใช่เพื่อการสอบวัดความรู้ แต่ต้องทำให้เด็กรู้ว่าเรียนไปจะนำสิ่งที่เรียนไปใช้ไปต่อยอดอย่างไร
ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวทิ้งท้ายว่าเรื่องการเมืองต้องเดินไปด้วยกัน ตอนนี้ตนต้องระมัดระวังเรื่องการให้ข่าวก่อน ฝากให้นักศึกษา วปอ. เรื่องการยืนในโรงฉายหนังว่าเป็นห่วงคนที่อยากยืน แต่ไม่กล้ายืน จึงอยากขอทุกคนมีความกล้าหาญที่จะยืนซึ่งทุกคนคงเข้าใจ ไม่ได้บังคับกัน
ยุคนี้ ถ้าเพลงสรรเสริญพระบารมี เปิดในโรงหนัง ไม่ต้องยืนตรงกันแล้วเหรอ
พออ่านข่าวนี้แล้วก็เริ่มงง ยุคสมัยนี้ไม่ต้องยืนกันแล้วใช่ไหมตามที่ประยุทธ์ จันทร์โอชาให้ข่าวไว้ เราก็ไม่ได้เข้าโรงหนังนานแล้ว เค้าคงไม่ได้เปิดเพลงแล้วล่ะ ถ้าเปิดก็คงยืนทำความเคารพนั่นแหละ เสมือนหนึ่งได้เจอพ่อที่นานๆ ทีหรืออาจไม่เคยได้เจอ พอเจอก็ต้องเคารพซักหน่อย เป็นมารยาทอันดีงามของไทย แต่สมัยนี้เค้าคงเจอกันบ่อยจนไม่ต้องทำแบบเดิมแล้วกระมัง
ก็ไม่รู้สินะ เอาเป็นว่า เข้าเมืองตาหลิ่วเหมือนเดิมจะดีมั้ย ไม่ต้องยืนแล้วเหรอในยุคนี้ ถ้าเพลงสรรเสริญพระบารมีเปิด