เที่ยวกระบี่ยังไง ให้ไปถึง

หลายคนคิดอยากไปเที่ยวกระบี่ แต่ไม่รู้จะไปตรงส่วนไหนที่น่าเที่ยว เพราะจังหวัดกระบี่คือมีที่เที่ยวเยอะมาก แต่ละแห่งห่างไกลกันมาก ส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาในการเดินทางไปยังจุดหมายมากกว่า 2-3 ชั่วโมง และเมื่อไปแล้ว ทริปในวันนั้นก็คือต้องเที่ยวในโซนนั้นไปทั้งวัน ไม่สามารถย้ายโซนเที่ยวได้ เพราะหากทำอย่างนั้นจะกินเวลามาก ทำให้การเที่ยวในแต่ละครั้ง หากเร่งรีบ ก็จะไม่สนุกเอาซะเลย

ยกตัวอย่างเช่น หากจะไปทะเลก็ต้องมีเวลาทั้งวันไปเลยในการเที่ยวทะเล เที่ยวเกาะแก่งทั้งหลาย รวมไปถึงการเล่นน้ำดูปะการังสวยๆ

หากไปน้ำตก ไปดูลากูน พายเรือคายัค ก็ต้องใช้เวลาเดินทาง 2-3 ชั่วโมง และการเที่ยวแต่ละครั้งก็กินเวลาในการเล่นน้ำ พายเรือ ชมวิวไปมากกว่าครึ่งวัน นี่ยังไม่รวมการเดินทางกลับ

เพราะฉะนั้นแล้ว การเที่ยวกระบี่แต่ละครั้ง ต้องวางแผนให้รอบคอบ มิเช่นนั้นแล้วทริปเที่ยวกระบี่ของคุณอาจหมดสนุกไปเลย วันนี้เราจะขอแนะนำ เที่ยวกระบี่ยังไงให้ไปถึงกระบี่จริงๆ ไม่พลาดจุดสำคัญในการเที่ยวและบันทึกเรื่องราวเป็นภาพถ่าย โดยเริ่มจากในตัวเมืองกันไปเลย

รีวิวเที่ยวกระบี่ แบบฉบับไปถึงจริงและประหยัดสุด

1. ลานปูดำ และท่าเรือเจ้าฟ้า ถ่ายรูปสัญลักษณ์จังหวัดกระบี่
2. วันแรกแนะนำ ไปสระมรกต และเล่นน้ำตกร้อน ที่คลองท่อม
3. วันที่สอง แนะนำไปทะเลแหวก ทริปเที่ยว 4 เกาะ/li>
4. วันที่สาม เที่ยวหาดสวย น้ำใส
5. เวลาเหลืออีก 2-3 วัน ไปเกาะพีพี กระบี่
6. เดินทางกลับ

แน่นอนว่า เวลาแค่ 2-3 วันได้แค่นี้ แต่หากเวลาเหลือ ไปเกาะพีพี ยกเว้นจะจัดเวลาทั้งหมดไปเกาะพีพี 3 วันรวดเดียว เพราะเวลาน้อยกว่านี้คุณไม่สามารถเที่ยวกระบี่ได้ครบจบภายในเวลาอันจำกัดได้แน่ๆ เหมือนไปภูกระดึง ใช้เวลา 2 วันจะเดินรอบภูก็ทำได้แต่เหนื่อยสุดๆ ไปเที่ยวกระบี่ก็เช่นกัน ถ้าจะเปิดทริปเที่ยวแบบเร็วๆ คุณจะเหนื่อยและใช้เงินเปลืองมาก

รีวิวเที่ยวกระบี่ใน 3 วัน ได้แค่ไหนมาดู

มีเวลาแค่นี้ แนะนำให้เลือกเที่ยวทะเลก่อนจะไปน้ำตก แช่น้ำร้อนก่อนกลับ แต่หากเช็คเวลาแล้วเลือกที่จะไปทะเลแหวกช่วงบ่าย กำหนดการณ์ระหว่างรอ ให้ไปเยือนหาดต่างๆ ที่มีชื่อเสียงได้เลย

เช็คช่วงเวลาเที่ยวทะเลแหวก เช้า หรือ เย็น เอาที่สะดวก มีแค่วันละครั้ง พลาดแล้วอดเลย ระหว่างรอทะเลแหวก หรือไปทะเลแหวกเสร็จแล้ว ก็ไปดำน้ำต่อกันที่เกาะแก่งต่างๆ ตากแดดให้ดำกันไปเลยจ้า

การเดินทางไปทะเลแหวก จังหวัดกระบี่ ใช้ทางหลวงหมายเลข 4034 แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 4203 ไปยังอ่าวนางก่อน ต่อจากอ่าวนาง และหาดนพรัตน์ธารา จะมีเรือเช่าเหมาลำให้บริการนักท่องเที่ยวเพื่อชมและเที่ยวทะเลแหวก เกาะห้อง เกาะปอดะ ราคาโดยเฉลี่ยลำละประมาณ 1,200-2,200 บาท หรือแล้วแต่ตกลง เรือนั่งได้ประมาณ 8-10 คน เนื่องจากการเดินทางไปยังจุดที่ทะเลจะแหวกเห็นสันทรายสวยนั้น จะไม่มีเรือโดยสารแบบประจำทาง ต้องเช่าเรือเหมาลำเท่านั้น มีเปิดบริการตลอดทั้งวัน “แต่ควรเช็คเวลาให้ดี ทะเลไม่ได้แหวกเหมือนกันทุกวัน”

แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในจังหวัดกระบี่

1. สุสานหอย อยู่ในบริเวณชายทะเลบ้านแหลมโพธิ์ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ห่างจากตัวเมืองประมาณ 17 กม.มีซากดึกดำบรรพ์ของหอยน้ำจืดชนิดต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นหอยขม มีขนาดยาวประมาณ2 เซนติเมตร
2. หาดไร่เลย์ อยู่ในตำบลอ่าวนาง อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ เป็นหาดทรายสีขาวละเอียดริมโตรกผา
3. หาดอ่าวนาง อยู่ในเขตพื้นที่ของ ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ ลักษณะเป็นเวิ้งอ่าวยาวประมาณ 6 กิโลเมตร ทิวทัศน์โดยรอบ สวยงามแปลกตาด้วยภูเขาหินปูนตระหง่าน และที่สำคัญ อ่าวนาง เป็นที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อมากที่สุดแห่งหนึ่งในจังหวัดกระบี่
4. หาดนพรัตน์ธารา ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหนองทะเล ตำบลไสไทย ตำบลอ่าวนาง และตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ มีพื้นที่ 242,437 ไร่ เป็นพื้นน้ำประมาณ 200,849 ไร่ มีป่าไม้ 3 ประเภท คือ ป่าดงดิบชื้น พบเห็นได้บริเวณเขาสูงชันบริเวณเขาหางนาค เขาอ่าวนาง ป่าชายเลน จะพบบริเวณคลองแห้ง ใกล้ที่ทำการอุทยานฯ คลองย่านสะบ้า และด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือบริเวณสุสานหอย 40 ล้านปี
5. หาดอ่าวทึง ถือเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตธรรมชาติ และที่พึ่งใหญ่ของชาวบ้านในเขตนี้ก็ว่าได้ ที่แค่เดินมาขุดๆ คุ้ยๆ ตามหาดทรายชายทะเลเพียงไม่นานก็ได้อาหารทะเลสดๆ ไปรับประทาน อ่าวทึ่งเป็นอ่าวเล็กๆ ในเขตคลองม่วง ที่ด้านหนึ่งเป็นลำคลอง อีกด้านหนึ่งเป็นภูเขาเขตพระราชฐานที่ประทับแรม อยู่ไม่ไกลจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ
6. แหลมหางนาค ถือเป็นความภาคภูมิใจของชาวกระบี่ ที่มีสถานที่ที่เป็น เรื่อนรับรองที่ประทับ แหลมหางนาคถือเป็นมุมที่น่าชมวิวมากที่สุดของคลองม่วง ตั้งอยู่ระหว่างหาดอ่าวทึงและหาดอ่าวเสี้ยว มีพื้นที่ป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่งของจังหวัดกระบี่
7. หาดอ่าวเสี้ยว หากหันหน้าออกสู่ทะเลและด้านหลังเป็นคือโรงเรียนบ้านคลองม่วง ทางซ้ายมือคือทางไปหาดอ่าวเสี้ยว หาดแห่งนี้ถือเป็นชายหาดที่ทอดตัวยาวติดต่อกับหาดคลองม่วง เป็นแนวโค้งสวยงาม มีหาดทรายสีขาวนวลสลับกับโขดหินน้อยใหญ่ มีปากคลองแม่น้ำสำหรับให้ชาวประมงนำเรือมาพักเพื่อซ่อมแซม ก่อนนำออกสู่ทะเล
8. หาดคลองม่วง เป็นหาดทรายขาวนวลขนานกับผืนน้ำทะเลใสสีคราม ที่ทอดตัวยาวเหยียดทางด้านใต้จากหาดอ่าวเสี้ยว ไปจนจรดกับหาดทับแขกในทางทิศเหนือ หาดแห่งนี้เป็นหาดที่สวยงามในบรรยากาศเงียบสงบเหมาะกับการพักผ่อนที่มีความเป็นส่วนตัว
9. หาดเกาะกวาง หาดนี้หากนับระยะกันจริงๆ อาจจะสั้นมากจนแทบจะไม่มีชื่อเป็นที่รู้จักกันเลยในรายการหาดทรายของทะเลกระบี่ นั่นเพราะชื่อหาดแต่เดิมนั้นจะเรียกกันตามชื่อหมู่บ้านที่ตั้งนั้นๆ แต่นักท่องเที่ยวมักจะเรียกชื่อหาดตามๆ กันไปมากกว่าจะเจาะจงชื่อจริงๆ หาดแห่งนี้เป็นหาดทรายที่มีสีออกน้ำตาลไม่ขาวมากแต่สามารถเป็นจุดเล่นน้ำและพักผ่อนได้เป็นอย่างดี
10. หาดแหลมป่อง หลายคนอาจเข้าใจไปเองว่านี่เป็น หาดทับแขก หรือหาดเกาะกวาง แต่จริงๆ แล้วนี่เป็นอีกหาดที่ยังมีมุมมองที่หลายคนหลงไหล โดยเฉพาะสะพานขนแร่เก่า ที่เป็นแหล่งพบปะสังสรรค์ของบรรดาเหล่านักตกปลา และศาลาสมใจนึกที่ถูกสร้างไว้เพียง 2 แห่ง แห่งแรกคือหาดคลองม่วง และแห่งที่สองคือที่นี่หาดแหลมป่อง
11. หาดทับแขก เอ่ยถึง ทับแขก หรืออีกนัยหนึ่ง หมายถึง บ้านพักสำหรับผู้มาเยือน คือชายหาดที่ถูกซ่อนอยู่ท่ามกลางแมกไม้และขุนเขาที่นักท่องเที่ยวรู้จักกันดี หาดแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องความสงบและความเป็นส่วนตัวอย่างมาก หาดสวยที่หันหน้าเข้าหาหมู่เกาะทั้ง 13 แห่งของทะเลอันดามันอันสวยงามและเงียบสงบ ด้านหลังคือภูเขาหงอนนาค (หรือภูเขาหางนาค) แหล่งท่องเที่ยวที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่มีความงดงามและมีภูมิทัศน์ที่อุดมสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งในจังหวัดกระบี่

สุสานหอย

หาดไร่เลย์

หาดอ่าวนาง

หาดอ่าวทึง

อ่าวเสี้ยว

แหลมหางนาค

หาดคลองม่วง

หาดแหลมป่อง

หาดทับแขก

ที่มา klongmuang-krabi.com

หากมีเวลาอีกซักครึ่งวันแนะนำให้ไปเยือน ยอดเขาหงอนนาค มหัศจรรย์เหนือทะเลหมอกของเมืองกระบี่ ถือเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดในกระบี่ ด้วยยอดเขาสูงตระหง่านตั้งอยู่ริมทะเลอุดมสมบูรณ์ ด้วยผืนป่าดงดิบขึ้นปกคลุม จนแทบไม่เห็นแสงตะวันที่นี่เป็นบ้านพำนักอาศัยและแหล่งอาหารของนกป่านานาชนิด และสัตว์ป่าโดยเฉพาะฝูงชะนี ที่กู่ร้องทุกเช้าเย็น ด้วยหนทางสูงชัน ผ่านป่ายาวไกลถึง 4 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้าเกือบ 2 ชั่วโมงกว่า ก็จะเป็นผู้พิชิตยอดสูงสุดของที่นี่

เที่ยวกระบี่ยังไงให้ประหยัดสุด

อย่างที่บอก ถ้าเลือกเที่ยวทะเล ให้เลือกเที่ยวเกาะใน 2 วันแรก ส่วนวันสุดท้ายไปน้ำตกแล้วแช่น้ำร้อนก่อนกลับ ส่วนหาดต่างๆ ที่เป็นทางผ่านให้เก็บรูปสวยๆ มีมากมาย ใช้เวลาสำหรับหาดเหล่านี้ก็ 1 วันเต็มๆ

เที่ยวกระบี่แบบประหยัด หากไม่ต้องการไปทะเลแหวกและทริปดำน้ำ 4 เกาะหลัก แนะนำให้ว่า ช่วงเวลาเช้าๆ อาจมานั่งดูน้ำทะเลขึ้น-ลง ได้ที่หาดนพรัตน์ธารา หากโชคดี มีทะเลแหวกเล็กๆ ให้เดินเก็บภาพบรรยากาศ ถ้ามีเวลาเหลือให้ไปดูพระอาทิตย์ยามเย็นที่ ยอดเขาหงอนนาค ก่อนจะแวะทานอาหารเย็นพร้อมกับชมพระอาทิตย์ตกกันได้ที่หาดอ่าวนาง หาดคลองม่วง หาดเกาะกวาง หรือหาดทับแขก ทุกหาดสามารถดูพระอาทิตย์ตกได้ทั้งหมดหากฟ้าเปิด

วันสุดท้ายไปน้ำตกร้อน และสระมรกต ที่คลองท่อม ใช้เวลาเร็วสุดประมาณครึ่งวัน ถ้าตื่นเช้าหน่อย แนะนำช่วงเช้าแวะดูทะเลหมอกที่วัดถ้ำเสือวิปัสสนา ก่อนเดินทางไปสระมรกตในช่วงกลางวัน และช่วงเย็นก็แช่น้ำร้อนให้หายเหนื่อยก่อนกลับ รับรองว่า ดีและคุ้มแน่นอน

เที่ยวกระบี่โดยรถยนต์ส่วนตัว

ไปกระบี่โดยรถยนต์ส่วนตัว เป็นอะไรที่สะดวกและประหยัด แต่จะแพงค่ากิน หากไปถึงเช้าหน่อย ร้านอาหารมากมายรอให้ใช้บริการ แต่หากผ่านไปถึงหลัง 10 โมงเช้าไปแล้ว จะหาร้านอาหารที่เปิดให้บริการยากหน่อย รออีกทีก็บ่ายสองโมง หรือช่วงเย็นไปแล้วเท่านั้น แต่การมีรถยนต์ส่วนตัวจะสะดวก ถ้าหากินอะไรไม่ได้ แนะนำเข้า 7-11 ไม่ก็ห้างสะดวกซื้อที่เปิดบริการอยู่ใกล้ตัวเมือง

สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวด้วยรถยนต์ส่วนตัวนั้น แพงที่ค่าน้ำมัน เนื่องจากแหล่งท่องเที่ยวแต่ละแห่ง อยู่ไกลกันคนละทิศ หากจะไปน้ำตกต้องขับไป อ.คลองท่อม การเดินทางใช้เวลา 2 ชม. หากต้องการล่องแก่ง ให้ขับไป อ.อ่าวลึก การเดินทางก็ใช้เวลาพอๆ กัน (เริ่มจากในตัวเมืองกระบี่) ส่วนการเที่ยวหาดสวยๆ นั่งชมวิวทะเล สามารถเดินทางไปยังสุสานหอย แล้วเลียบหาดไปเรื่อยๆ จนถึง หาดอ่าวนาง หาดนพรัตน์ธารา ผ่านบ้านคลองม่วง ชิดซ้ายหน่อย ตรงไปก็จะเจอกับหาดคลองม่วง วิ่งสุดถนน เลาะไปริมทะเลด้านซ้ายมือ ไปหาดอ่าวเสี้ยว และแหลมหางนาค แต่หากถึงบ้านคลองม่วงแล้วเลี้ยวขวา จะเข้าสู่หาดเกาะกวาง หาดแหลมป่อง สถานที่สวยอีกแห่ง จนผ่านไปยังหาดทับแขก และทางขึ้นจุดชมวิว เขาหงอนนาค

เข้าบ้านคลองม่วง อย่าลืมแวะสักการะบูชา ทวดนาค ที่ วัดคลองม่วง เพื่อเป็นศิริมงคลด้วยจะดีไม่น้อย